สำหรับผู้หญิงนอกจากเครื่องหน้า และ body ต้องเป๊ะแล้ว เรื่องรถยนต์ก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะเกิดวันนึง accident ระหว่างทางโดยไม่มีคุณผู้ชายขึ้นมาจะหาว่าเราไม่เตือน วันนี้เราเลยมาแชร์ 5 ทริคแสนง่ายเอาไว้เป็นคู่มือดูแลรถยนต์ของสาวๆ ทำได้สวยๆไม่ง้อผู้เด้อ
1.ตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง
นอกจากควรหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดแล้วการตรวจเช็กก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อเครื่องยนต์เช่นกัน วิธีง่ายๆ คือ
ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดู ถ้าน้ำมันเครื่องอยู่ระดับ F และ L แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ
แต่ถ้าปล่อยให้น้ำมันเครื่องอยู่ต่ำว่าตัว L หรือต่ำกว่าขีดล่าง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหากับเครื่องยนต์ได้
2. เช็กน้ำมันเบรก
โดยเปิดฝากระโปรงหน้ารถและดูที่กระปุกน้ำมันเบรก ซึ่งไม่ควรต่ำกว่าระดับ Min และไม่ควรจะสูงเกิน Max หากระดับน้ำมันเบรกอยู่ต่ำกว่า Min
แสดงว่าผ้าเบรกอาจมีปัญหา หรืออาจมีการรั่วซึมได้
ถ้าส่อแววอาการไม่ดี ควรเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กโดยทันที
3.ตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำในหม้อน้ำ
ก่อนเดินทางออกไปไหน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้รถยนต์เกิดอาการโอเวอร์ฮีท หรือเครื่องยนต์เกิดความร้อนจนเกินไป เราควรตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่ตลอด
หากพบว่าน้ำมีระดับต่ำก็ควรเติมด้วยน้ำกลั่น หรือผสมน้ำยาหล่อเย็น
ส่วนการเติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อน้ำ แนะนำว่าควรเติมเฉพาะกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น เช่น เกิดความร้อนสูงระหว่างการเดินทาง
4.เช็กสภาพแบตเตอรี่
แค่พกสายพ่วงแบตเตอรี่ไว้อุ่นใจจริง แต่รู้ไหมว่าเราสามารถตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ได้ด้วยการดูตาแมวแบตเตอรี่
หากมีสีเขียวหรือสีน้ำเงินแสดงว่าไฟเต็ม หากเป็นสีขาวหรือสีใส แสดงว่าไฟอ่อน ควรชาร์จไฟเพิ่ม
แต่ถ้าเป็นสีแดงหรือสีส้ม แสดงว่าน้ำกลั่นแห้ง ควรเติมน้ำกลั่น ดังนั้นจึงควรใช้งานแบตเตอรี่อย่างเหมาะสม หรือติดเครื่องมือชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์สำรองไว้
5.วัดลมยาง
เรื่องของลมยางและยางรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่สาวๆ ไม่ควรปล่อยปละละเลย
เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้รถกินน้ำมัน แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย
อย่างไรแล้วเราควรหมั่นเช็กลมยางอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
โดยดูค่าแรงดันยางรถยนต์ได้ที่ป้ายข้างประตูคนขับ
หากเป็นรถเก๋ง 4 จะอยู่ที่ประมาณ 30-32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ซึ่งนอกจากจะหมั่นเช็กลมยางแล้วควรเช็กยางรถยนต์ด้วยว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่
หากใช้งานจนดอกยางเริ่มโล้น หรือใช้งานมาแล้ว 3 ปี หรือประมาณ 60,000 กิโลเมตร ก็ถึงเวลาอันสำควรที่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์
ขอบคุณข้อมูลจาก masii.co.th